สโมสรลิเวอร์พูล เมื่อเวลา 23.30 น. ของวันที่ 5 มีนาคม การแข่งขันพรีเมียร์ลีกรอบที่ 26 ของฤดูกาล 2022-2023 ได้เริ่มต้นขึ้น ลิเวอร์พูล พบแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในศึกแดงเดือดที่แอนฟิลด์ หลังจาก 90 นาทีแห่งการต่อสู้อันดุเดือด ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในบ้านไป 7 ต่อ 0 หลังจากไม่แพ้ใครมา 5 นัดติดต่อกัน ลิเวอร์พูลขยับขึ้นรั้งที่ 5 ของตาราง ซาลาห์ทำ 2 ประตูและ 2 แอสซิสต์ในเกม คักโปและนูเญซยิงได้ 2 ประตู และฟีร์มีโน่ที่ลุกจากม้านั่งสำรองก็ยิงประตูสุดท้าย
ในเกมนี้ ติอาโก้ ดิอาซ แรมซีย์ เกอิต้าและโจ โกเมซ ล้วนไม่ได้ลงเล่นเนื่องจากอาการบาดเจ็บ ซาลาห์ คักโปและนูเญซกลายเป็นกองหน้าที่ดี กัปตันเฮนเดอร์สันลงเล่นครบ 400 เกมสำหรับลิเวอร์พูล สำหรับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อีริคเซ่น มาร์กซิยาลและฟานเดอเบค ล้วนไม่อยู่เนื่องจากอาการบาดเจ็บ บรูโน่ เฟอร์นานเดสเป็นผู้นำผู้เล่นตัวจริง และแรชฟอร์ดซึ่งกำลังฟอร์มร้อนแรงทำหน้าที่เป็นกองหน้าเดี่ยว
ในนาทีที่ 3 ซาลาห์กลับมาจ่ายบอลได้อย่างแม่นยำ และเอลเลียตยิงจากเขตโทษด้านขวา แต่บอลถูกกองหลังขวางไว้ ในนาทีที่ 9 ดาโลต์ส่งบอลให้แอนโทนี่ยิงจากมุมไกลทางกรอบเขตโทษด้านขวา และบอลถูกอลิสซอนผู้รักษาประตู นักเตะหงส์แดง เซฟไว้ได้ ในนาทีที่ 14 ฟาบินโญ่ส่งบอลไปแดนหน้า และซาลาห์ยิงจากด้านขวาของกรอบเขตโทษ แต่บอลไปชนเสาด้านซ้ายอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 16 อาร์โนลด์จ่ายบอลจากกรอบเขตโทษด้านซ้าย และบอลถูกกองหลังเคลียร์ได้ เอลเลียตยิงลูกวอลเลย์พลาดเสาซ้ายไปเล็กน้อย ในนาทีที่ 19 ซาลาห์ทำการปรับบอลแล้วจ่ายได้อย่างแม่นยำ แต่การยิงของเฮนเดอร์สันจากจุดโทษด้านขวาถูกกองหลังสกัดกั้น นูเญซยิงบอลซ้ำจากกรอบเขตโทษด้านขวา แต่บอลชนเสาด้านซ้ายออกนอกสนามอย่างน่าเสียดาย
ในนาทีที่ 22 อาร์โนลด์ครอสบอลไปแดนหน้า โรเบิร์ตสันตัดเข้าจากด้านซ้ายของสนามหน้าและจ่ายให้วาราน จากนั้นยิงจากเขตโทษด้านซ้ายไปที่มุมไกล แต่บอลถูกกองหลังขวางไว้อีกครั้ง นาทีที่ 23 โรเบิร์ตสันเปิดบอลจากกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย นูเญซคว้าลูกยิงจากกรอบเขตโทษ และบอลถูกกองหลังสกัดกั้นจากเส้นประตู
นาทีที่ 26 ดาโลต์เปิดบอลจากทางกรอบเขตโทษฝั่งขวา บรูโน่ เฟอร์นานเดสโหม่งบอลจากจุดโทษด้านหลัง แต่บอลออกจากไลน์หลังประตูไป แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดพลาดโอกาสทำประตูสำคัญ ในนาทีที่ 27 ลุค ชอว์จ่ายบอลจากทางด้านซ้ายในแดนหน้า แรชฟอร์ดวิ่งอย่างรวดเร็วและยิงบอลก่อนจุดโทษ ซึ่งได้รับการแก้ไขโดยอลิสซอนผู้รักษาประตูลิเวอร์พูลที่โจมตี แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดพลาดโอกาสทำประตูอีกครั้ง
ในนาทีที่ 33 ลุค ชอว์ได้เตะฟรีคิกจากทางด้านซ้ายของสนามหน้า ดาโลต์ถูกอลิสซอนผู้รักษาประตู ทีมหงส์แดง สกัดเข้าที่ศีรษะ ในนาทีที่ 31 การจ่ายบอลในแดนหลังของลิเวอร์พูลถูกขัดจังหวะ แต่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่ได้จัดการโจมตีที่คุกคาม นาทีที่ 41 ฟาบินโญ่ดึงแรชฟอร์ดลงมาและโดนใบเหลืองเตือน
นาทีที่ 42 บรูโน่ เฟอร์นานเดสเตะฟรีคิกจากทางด้านซ้ายของสนามด้านหน้า และคาเซมิโร่โหม่งทำประตูได้ แต่เขาล้ำหน้าก่อนและเสียประตูไป นาทีที่ 43 ลิเวอร์พูลสกัดบอลได้สำเร็จ โรเบิร์ตสันจ่ายบอลให้คักโป คักโปผ่านวารานแล้วยิงจากมุมไกลเขตโทษฝั่งซ้าย สโมสรลิเวอร์พูล เปิดสกอร์นำแมนเชสเตอร์ยูไรเต็ดได้สำเร็จ คักโปทำประตูได้ทั้งในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้และดับเบิลเรดคลับในฤดูกาลนี้ จบครึ่งแรกโดยลิเวอร์พูลนำแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1 ต่อ 0 เป็นการชั่วคราว
ลิเวอร์พูล สร้างชัยชนะ สโมสรลิเวอร์พูล พร้อมขึ้นอันดับที่ 5 ทันที
ลิเวอร์พูล ในครึ่งหลังพวกเขาเปลี่ยนข้างและสู้กันอีกครั้ง นาทีที่ 47 เอลเลียตเปิดบอลจากทางกรอบเขตโทษฝั่งขวา และนูเญซโหม่งเข้าประตู ลิเวอร์พูลขยายสกอร์ทิ้งห่าง 2 ต่อ 0 ในนาทีที่ 49 เฟร็ดจ่ายบอลไปแดนหน้า และแอนโทนี่ยิงบอลจากทางด้านขวาของกรอบเขตโทษ อิสซอนผู้รักษาประตูลิเวอร์พูลสกัดบอลเอาไว้ได้
นาทีที่ 50 ลิเวอร์พูลเกือบคว้าชัยชนะก่อนกำหนด ซาลาห์พักบอลเร็วแล้วหลอกลิซานโดร มาร์ติเนซทางกรอบเขตโทษฝั่งขวา จากนั้นส่งบอลครอสไปในเขตโทษ คักโปแทรกไปในเขตโทษเล็กทางฝั่งขวา แล้วยิงบอลทะลุผ่านผู้รักษาประตูเดเคอา ลิเวอร์พูลขยายแต้มเป็น 3 ต่อ 0 นี่คือประตูที่ 4 ของคักโปในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ด้วยเช่นกัน
ในนาทีที่ 53 แอนโทนี่ได้รับใบเหลืองจากการละเมิดโรเบิร์ตสัน นาทีที่ 54 ฟานไดจ์คส่งบอลคืนหลัง อลิสซอนผู้รักษาประตู ผู้เล่นสโมสรลิเวอร์พูลลื่นล้มตอนรับบอล บรูโน่ เฟอร์นานเดสขโมยได้ แต่กลับยิงบอลพลาดไปอย่างน่าผิดหวัง สโมสรลิเวอร์พูล หนีรอดไปได้โดยไม่เป็นอันตราย นาทีที่ 56 คักโปเปิดบอลให้โรเบิร์ตสันส์ยิงจากกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่บอลพลาดเสาขวาออกนอกสนามไป
ในนาทีที่ 57 โรเบิร์ตสันส่งบอลให้คักโปยิงจากทางด้านซ้ายของกรอบเขตโทษด้านบน และบอลถูกกองหลังสกัดกั้นจากเส้นล่าง ต่อจากนั้นอาร์โนลด์จ่ายบอลจากมุมซ้าย โกนาเต้กระโดดขึ้นสูงเพื่อโหม่งบอล แต่บอลไปชนเสาขวาอีกครั้ง ในนาทีที่ 58 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแทนที่เวกฮอร์สต์และเฟร็ด ด้วยการ์นาโช่และแม็คโทมิเนย์ตามลำดับ
ในนาทีที่ 61 ลิซานโดร มาร์ติเนซสะดุดคักโปและได้รับใบเหลืองเตือน ในนาทีที่ 64 แม็คโทมิเนย์สไลด์เสียบคักโปอย่างแรง และได้รับใบเหลืองเตือนด้วยเช่นกัน ในนาทีที่ 65 แอนโทนี่ส่งบอลให้การ์นาโช่ยิงจากกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่บอลถูกกองหลังขวางไว้ นาทีที่ 66 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเสียบอลในแดนหน้า แหล่งข่าวที่มาจาก step99football.com
สโมสรลิเวอร์พูลล่าสุด ผู้เล่นนูเญซจ่ายทะลุบอลไปติดเท้าซาลาห์
สโมสรลิเวอร์พูลล่าสุด ซาลาห์ยิงบอลจากตำแหน่งจุดโทษเพื่อทำสกอร์ 4 ต่อ 0 ซาลาห์ทำลายสถิติของฟาวเลอร์ที่ 128 ประตู และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกของ สโมสรลิเวอร์พูล ขณะเดียวกัน ซาลาห์ทำประตูใส่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 6 เกมติดต่อกัน กลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ลิเวอร์พูลที่ทำได้
ในนาทีที่ 73 บรูโน่ เฟอร์นานเดสจ่ายตรงเข้าไปในเขตโทษ และหลังจากที่แรชฟอร์ดโยกหลบมุมมองของอลิสซอน เขาก็ยิงบอลต่ำจากกรอบเขตโทษด้านซ้ายไปชนเสาด้านซ้าย ในนาทีที่ 75 โรเบิร์ตสันจ่ายบอลจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย และนูเญซพลิกกลับมาโหม่งบอลในเขตโทษเข้าประตู นูเญซยิงประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีกของฤดูกาลนี้ และเป็นประตูที่ 14 ในทุกรายการด้วยเช่นกัน
นาทีที่ 77 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเปลี่ยนตัวลิซานโดร มาร์ติเนซและคาเซมิโร่ ด้วยมาลาเซียและซาบิตเซอร์ตามลำดับ ในเวลาเดียวกัน สโมสรลิเวอร์พูล แทนที่เฮนเดอร์สัน นูเญซ คักโปและฟาบินโญ่ ด้วยบายเซติช โชต้า ฟีร์มีโน่และมิลเนร์ตามลำดับ ในนาทีที่ 82 โชต้ารับบอลและถูกสัมผัสโดยผู้เล่นฝ่ายรับ เอลเลียตยิงบอลจากด้านบนของเขตโทษ เดเคอาผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเซฟบอลได้
ในนาทีที่ 83 กองหลังแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทำผิดพลาดในการสกัดกั้น และซาลาห์ยิงบอลที่หน้าเขตโทษเล็กน้อย 6 ต่อ 0 ซาลาห์ยิงประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และเป็นประตูที่ 22 ในทุกรายการ ในขณะเดียวกันก็แซงหน้าฟาวเลอร์ และกลายเป็นดาวซัลโวประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกของ สโมสรลิเวอร์พูลวันนี้ ด้วยจำนวน 129 ประตู และนี่ยังเป็นประตูที่ 12 ที่ซาลาห์พังประตูแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่เขายิงประตูได้มากที่สุด จากนั้นซาลาห์ถอดเสื้อฉลองและโดนใบเหลืองเตือน
ในนาทีที่ 85 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแทนที่แรชฟอร์ดด้วยอีแลงก้า และลิเวอร์พูลแทนที่เอลเลียตด้วยโจนส์ ในนาทีที่ 88 ซาลาห์จ่ายบอลในเขตโทษ และฟีร์มีโน่ยิงบอลเข้าประตูจากด้านขวาของกรอบเขตโทษเล็ก สโมสรลิเวอร์พูล ขยายสกอร์นำ 7 ต่อ 0 และสร้างชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศึกแดงเดือด ฟีร์มีโน่ยิงประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และเป็นประตูที่ 10 ในทุกรายการ สุดท้ายลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 7 ประตูในบ้าน และขยับขึ้นไปอยู่อันดับที่ 5 ได้สำเร็จ
